เมนู

76. อรรถกถาติณสันถรทายกเถรปทาน


อปทานของท่านพระติณสันถระ มีคำเริ่มต้นว่า หิมวนฺตสฺสวิทูเร
ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญกุศลสมภารในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ
สั่งสมบุญทั้งหลายอนเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพนั้น ๆ ในกาลแห่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ติสสะ ท่านบังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่ง
หนึ่ง ละการครองเรือน เพราะท่านเกิดก่อนแต่พุทธุปบาทกาล บวช
เป็นดาบสอาศัยสระแห่งหนึ่ง ไม่ไกลป่าหิมพานต์อยู่. สมัยนั้น พระผู้มี
พระภาคเจ้าพระนามว่า ติสสะ เสด็จไปทางอากาศเพื่ออนุเคราะห์ท่าน.
ครั้งนั้นแล ดาบสนั้น เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จลงจากอากาศประทับยืน
อยู่นั้น มีใจเลื่อมใส เกี่ยวหญ้าทำเป็นสันถัตหญ้า ให้พระองค์ประทับนั่ง
ถวายบังคมด้วยเบญจางคประดิษฐ์ โดยการนับ ถือและการเอื้อเฟื้อเป็น
อันมาก โค้งกายแล้วหลีกไป. ท่านดำรงอยู่จนตลอดอายุ จุติจากอัตภาพ
นั่นแล้ว ท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เสวยสมบัติมีอย่าง
มิใช่น้อย ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง เจริญ
วัยแล้ว เลื่อมใสในพระศาสดา บวชแล้วไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์.
ครั้นภายหลัง ท่านระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะ
ประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า หิมวนฺตสฺสาวิทูเร ดังนี้.
คำนั้นมีอรรถดังกล่าวแล้วในหนหลังนั้นแล. ก็ในบทว่า มหาชาตสฺสโร
นี้ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ ชื่อว่า สระ เพราะเป็นที่เที่ยวไปแห่งสัตว์2 เท้า
และสัตว์ 8 เท้า เป็นต้น ผู้ต้องการด้วยน้ำดื่ม. อีกอย่างหนึ่งชื่อว่า สระ
1. บาลีว่า ติณสันถารทายกเถราปทาน.

เพราะเป็นที่ไหลมาแห่งแม่น้ำและลำธารเป็นต้น. สระนั้นใหญ่ด้วย เพราะ
เกิดเองด้วย เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า สระใหญ่. พึงเห็นว่าท่านกล่าว
มหาชาตสระ เพราะไม่ปรากฏชื่อเหมือนสระอโนดาต และสระชื่อว่า
ฉัททันตะเป็นต้น. บทว่า สปตฺเตหิ สญฺฉนฺโน ความว่า ในดอกแต่
ละดอก มีกลีบ 100 กลีบ ด้วย สามารถดอกละร้อยกลีบ. ดาดาษคือ
เป็นรกชัฏไปด้วยดอกปทุมขาว 100 กลีบ. บทว่า นานาสกุณมาลโย
ความว่า สัตว์หลายชนิด เช่น หงส์ ไก่ นกเขา และงูน้ำ เป็นต้น
แต่ละตัวย่อมร้องคือทำเสียง เพราะฉะนั้น สระนั้นจึงเป็นที่อยู่ คือเป็น
ที่รองรับของนกทั้งหลาย อันได้นามว่า สกุณะ ดังนี้. คำที่เหลือในบท
ทั้งปวงมีอรรถตื้นทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาติณสันถรทายกเถราปทาน

สูจิทายกเถราปทานที่ 7 (77)


ว่าด้วยผลแห่งการถวายเข็ม


[79] ในกัปที่สามหมื่นแต่กัปนี้ เราได้ถวายเข็ม 5 เล่ม แด่
พระพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก มีพระนามชื่อว่าสุเมธะ มี
พระลักษณะอันประเสริฐ 32 ประการ มีพระฉวีวรรณดัง
ทองคำ ผู้เป็นจอมสัตว์ ผู้คงที่ เพื่อต้องการเย็บจีวร.

ด้วยการถวายเข็มนั้นแล ญาณเป็นเครื่องเห็นแจ้ง อรรถ
อันละเอียดคมกล้า รวดเร็วและสะดวกเกิดขึ้นแก่เรา.

เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพทั้งปวงขึ้นแล้ว เรา
ทรงกายครั้งที่สุดอยู่ในศาสนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.

ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 4 ครั้ง ทรงพระนามว่าทิปทา-
ธิบดี ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ มีพละมาก.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว
ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสูจิทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้แล.
จบสูจิทายกเถราปทาน